10 ละครเพลงสุดโดดเด่น ของ ‘รัชดาลัย’ ควรค่าแก่การ Standing ovation!!

เมืองไทยรัชดาลัยเธียเตอร์ ของซีเนริโอ้ เป็นอีกค่ายที่ผลิตละครเวทีและละครเพลงออกมาอย่างต่อเนื่อง ถือว่าเป็นแนวหน้าของวงการที่บุกเบิกมิวสิคัลดีๆ ให้คนไทยได้ดู ในวาระครบรอบ 10 ปีของ รัชดาลัย เราขอจัดรวม 10 ละครเวทีที่สร้างผลงานได้อย่างโดดเด่นและน่าประทับใจ พร้อมกับขอวิเคราะห์จุดเด่น จุดด้อยของแต่ละเรื่องไว้ ณ ที่นี้ด้วย

ฟ้าจรดทราย เดอะมิวสิคัล

“… เมื่อโหราทำนายว่าไม่นานเกินรอ เมืองจะมีทายาทตามที่ขอ
การมาเยือนของหญิงงามแดนไกลในฤกษ์วันทำนาย ให้บุตรชายราชา …”

เรื่องแรกประเดิมโรงละครใหม่ นำแสดงโดย นัท มีเรีย และ มอส ปฏิภาณ นำบทประพันธ์ของโสภาค สุวรรณ มาสร้างใหม่ในรูปแบบมิวสิคัลได้อย่างยอดเยี่ยม บทละครและเพลงทำออกมาได้ค่อนข้างดี เพลงติดหู โปรดักชั่นทำให้คนดูตื่นตาตื่นใจ ตั้งแต่ฉากเปิดความอลังการของ ฮิลฟารา, ฉากเครื่องบินโผล่มากลางเวที, ฉากบัลลังก์ราชสีห์ของราชาอาเหม็ด,ฝนดาวตก ฟ้าจรดทราย ถือว่ามีฉากแดนซ์ที่ยอดเยี่ยมมากที่สุดนั่นคือ ‘ฉากฮาเร็ม’ ฉากระเบิดพลังของแคชฟีย่าในเพลง แค้น ก็ทำเอาคนดูต้องลุกขึ้นปรบมือให้กับ หญิง รฐา แม้มีคำกล่าวว่า โสภาค สุวรรณ เจ้าของบทประพันธ์ เคยพูดว่า มอส คือ ชารีฟ ตรงตามหนังสือ แต่เราคิดว่า เสียงของมอส คือจุดที่ยังไม่ถึงของมิวสิคัลเรื่องนี้

ลมหายใจ เดอะมิวสิคัล

“…รัก รักเธอทั้งหมดของหัวใจ สิ่งเหล่านั้นเก็บไว้ข้างใน เธอได้ยินไหมคนดี…”

ละครเพลงที่นำเอาบทเพลงของบอย โกสิยพงษ์ มาร้อยเรียงเป็นเรื่อง Original Cast ดั้งเดิม คือ นิโคล,มอส,แก้ม,รัดเกล้า ที่ทำไว้ค่อนข้างหินมาก แม้เรื่องจะยังไม่แน่น ทำเอาคนดูเคลิ้มไปกับเพลงได้หลายฉาก แม้จะ Re Cast ใหม่ก็ยังไม่อาจเทียบของเดิมได้ ฉากประทับใจของเรื่องคงจะหนีไม่พ้น เพลงรักเธอทั้งหมดของหัวใจ ที่รวมเอาเพลง 3 เพลงเข้ามาไว้ด้วยกัน และนักแสดงถูกวางในตำแหน่งสามเหลี่ยม ร้องถึงความใจของตัวเอง

บัลลังก์เมฆ เดอะมิวสิคัล

“…ปานรุ้งเธอกลับมาคราวนี้เธอเปลี่ยนไปนะ เธอเด่น เธอดูสวยสง่า…”

หลังจากเคยเปิดแสดงที่ ศูนย์วัฒนธรรม การมาโลดแล่นของบัลลังก์เมฆ ที่รัชดาลัย โปรดักชั่นค่อนข้างดี ถือว่าเป็นตำนานมิวสิคัลยุคบุกเบิกของไทยที่น่าจดจำ แต่แคสใหม่ เราก็มองว่า ยังอ่อนเกินไปในด้านการร้อง ตั้งแต่นักแสดงรุ่นใหญ่ จนถึงรุ่นลูก บทเพลงธรรมดาไม่ได้โชว์พลังนักร้องเท่าไหร่ สิ่งที่ชอบของเรื่องนี้คือ ฉากเปิด ‘บทนำ’ ที่เอาวิธีเล่าเรื่องแบบฝั่งมิวสิคัลเมืองนอกมาใช้ คือการให้มี prologue เล่าสรุปจบที่มาที่ไปได้ในฉากแรก และ ฉากปิดที่ชวนขนลุก เมื่อมี เมรุ มากลางเวที แล้วเสียงหมู่มวลกระหึ่มในเพลง บัลลังก์เมฆ

ข้างหลังภาพ เดอะมิวสิคัล

“..หากฉันมีความรัก จะวาดสวรรค์ของเราให้ไลกแสนไกล จะไม่มีผู้ใด มีแต่เราระบายความฝันในใจ …”

จากบทประพันธ์ของศรีบูรพา นำมาตีความใหม่ให้โอกาสคุณหญิงกีรติ ได้แสดงออกมากยิ่งขึ้น ทำออกมาไม่เสียของ แม้นิยายเดิมจะเล่าเรื่องแบบเรื่อยๆ แต่สำหรับละครเพลงนี้ตรึงคนดูตั้งแต่ฉากแรก และทำให้เราได้เห็นความตื่นตาอยู่เสมอ เราว่ามีความสมบูรณ์แบบมากทั้งบทละครเพลงและงานโปรดักชั่น คนดูจะได้เห็นสถานีรถไฟโตเกียว ท่าเรือโกเบ และน้ำตกมิตาเกะที่ชวนตะลึง ถือว่าเป็นฉากในตำนานดีที่สุดของรัชดาลัยเลยก็ว่าได้ แพท สุธาสินี ในบท ม.ร.ว.กีรติ ก็ดูสูงส่งมีคุณค่า ในตอนจบก็เรียกน้ำตาคนดูได้แบบฆ่าคนดูตายคาเบาะ แต่ส่วนที่ติดขัดของเรื่องนี้คือ บี้ สุกฤษฎิ์ ที่ร้องไม่ถึงแต่ก็ไม่ได้ทำให้เสียไปทั้งเรื่อง โดยรวมนี่คือมิวสิคัลที่เราถือว่า ดีมากที่สุดเรื่องหนึ่งของรัชดาลัย

ทวิภพ เดอะมิวสิคัล

“…อดีตในใจครั้งนั้นแม้จะนานเท่าไหร่…ไม่เลือนไม่ลบ อดีตฝังใจเหมือนรอยในกระจก รอใครบางคนหวนคืนยังอดีต…”

การกลับมาของทวิภพ เดอะมิวสิคัล กับแคสต์ใหม่ที่ได้ นัท มีเรีย กับ โดม ปกรณ์ลัม มารับบทนำ ตัวบทละครถูกหั่นให้กระชับ ร้อยเรียงเพลงได้ค่อนข้างดี ร่วมสมัยและติดหูคนดูมาก งานโชว์ฉากทะลุกระจกที่ทำออกมาดีงามสมคำร่ำลือ ถือว่าเป็นอีกฉากในตำนานที่ดีไซน์ออกมาได้แบบมหัศจรรย์มาก ฉากอย่าหยุดฉัน ตอน มณีจันทร์ เปลี่ยนชุดก็เรียกเสียงปรบมือได้เกรียวกราว ข้อติของทวิภพ คงจะหนีไม่พ้นความไม่เข้ากันของCast โดมไม่เหมาะจะเป็นคุณหลวงฯ

แม่นาคพระโขนง เดอะมิวสิคัล

“… ยามนึกถึงเรื่องของฉัน จำไว้ในใจเสมอ ฉันทำไปเพราะรักเธอ ผู้เดียว …”

แม่นาคพระโขนง ที่เล่าออกมาได้แบบครบรส ทั้งความสยอง ความอลังการ คอมเมดี้ และความซึ้ง ‘นัท มีเรีย’ ฝากผลงานการแสดงอันยอดเยี่ยมไว้กับเรื่องนี้ หมู่มวลเล่นถึงกันทุกตัว โปรดักชั่นดีมากจนต้องปรบมือให้ ฉากบ้านเรือนไทยยกสูงขึ้นไปสองชั้น,แม่นาค เหาะเข้าหาคนดู, ฉากเผาแม่นาคตอนท้ายที่อยู่ดีๆ แม่นาคก็หายวับไปกับควันไฟ ฉากระบำตุ่มที่ดีไซน์ออกมาได้สนุกมาก บทละครเวทีที่เน้นเล่าเรื่องความรัก อ้อมกอดและตอนจบสุดท้ายแก้ตัวให้กับแม่นาคให้คนดูได้เห็นใจการกระทำของเธอ

กินรีสีรุ้ง

“…เพราะเรามีเพียงวันนี้ อย่าเลยไปนึกเสียดายในวันที่ผ่านมา
เพราะเรามีเพียงวันนี้และวันข้างหน้ามันยังอีกไกล …”

การดัดแปลงบทละครเพลง La Cage aux Folles ในรูปแบบภาษาไทย เรายกให้เป็นมิวสิคัลคอมเมดี้ ที่ตลกที่สุดของรัชดาลัย การแสดงของเจมส์ เรืองศักดิ์ ในบทของอิซซี่ เล่นเอาคนดูเชื่อว่าเขาเป็นกะเทยจริงๆ เพลงเพราะทั้ง I am what i am, the best of time การดัดแปลงโชว์แดนซ์ให้เข้ากับความอลังการฉบับแบบไทยๆ ส่วนข้อเสียของ กินรีสีรุ้ง คือ ด้วยความที่เพลงและคำร้องมันมาแบบเมืองนอกมาก พอมาแปลเป็นไทยคำมันเลยเยอะและฟังแทบไม่ทัน หนักไปทางตลก เวลาปล่อยมุกทีก็ฮาแบบโรงละครสนั่น

มิสไซง่อน

“มองฝันที่ต้องตามต่อไป ภาพฝันที่ใจใฝ่หา”

มิสไซง่อนภาคภาษาไทย ยังทำไม่ถึงเมื่อเทียบกับฉบับของคาเมรอน แมคอินทอช ด้วยความที่มันเป็นมิวสิคัลแปลไทยทำให้เนื้อเพลงฟังยาก แต่เราว่าแปลได้เพราะถ้าเทียบกับเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษก็มีเนื้อร้องยากอยู่แล้ว มาแปลเป็นไทยอีกคำมันเยอะไปจนฟังไม่ทัน แสง สี เสียง มาตรฐานดี จนเข้าองก์2 เข้มข้นบีบคนดูเข้าไปเรื่อยๆ เฮลิคอปเตอร์ทั้งลำบินลงมาทำให้คนดูอึ้งไปตามๆกัน ความโกลาหลของฉากสถานทูตก็ทำออกมาโอเค แต่ยังเล่นใหญ่ไม่พอ ฉากดรีมแลนด์ ที่ยังยั่วยวนไม่ถึง

สี่แผ่นดิน เดอะมิวสิคัล

“..สุดสายธารชีวิตจะเป็นอย่างไร สุดแสนไกล ไม่รู้เมื่อไหร่อับปาง
ฝ่าลมฝนเท่าไหร่ ฝ่าไปตามสายธาร ถึงปลายทางจะพักใจที่โรยรา…”

วรรณกรรมแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ด้วยความยาวของเนื้อเรื่องและถือว่าเป็นของยากงานหนึ่งในการดัดแปลงเป็นละครเพลง แต่ถือว่า ซีเนริโอ้ ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมและสมบูรณ์แบบทั้งการเล่าเรื่อง นักแสดง (Original Cast) หลายฉากโซโล่ขนลุกดีงาม โดยเฉพาะน้องพินต้า โปรดักชั่นที่ยกเอาฉากสำคัญของบ้านเมืองมาเล่าได้แบบไม่หนักเกินไป ส่วนที่เราชอบคือเวลาการเปลี่ยนแปลงทั้งช่วงวัยของตัวละคร การผลัดแผ่นดินแต่ละครั้ง เชื่อมกันได้แบบลื่นไหล การใช้เทคนิคเวทีหมุน มีบทนำและบทสรุป ฉากที่เราค่อนข้างชอบจังหวะในการนำเสนอคือ ฉากสวรรคตของในหลวง รัชกาลที่ 8 ซึ่งทีมสร้างฉลาดในการเลือกเล่าทั้งเป็นฉากที่ยากมากๆ ทำเอาคนดูอึ้งกันไปทั้งโรงละคร แม้จะถูกเอามารีสเตจใหม่และเปลี่ยน Cast แต่เราว่ายังสู้เวอร์ชั่นแรกสุดไม่ได้

เลือดขัตติยา เดอะมิวสิคัล

“… ผลิบานทั่วพสุธา ดอกหญ้าแห่งยโสธร โอนอ่อนเอื้ออาทร
รวมดินแดนเราทั้งผองเป็นหนึ่งเดียวมานานาน…”

เป็นมิวสิคัลที่เราดูมากถึงสามรอบ ในรอบแรกองก์ 1 รู้สึกว่าทำออกมาได้ไม่ดีเท่าไหร่ แต่พอมาองก์ที่ 2 เล่าเรื่องได้ดีมากจนต้องลุกขึ้นปรบมือให้ แคสต์ดีมากและสมบูรณ์แบบทั้งการแสดงและการร้อง โปรดักชั่นดี ชอบตอนเปิดเรื่องที่มีแผนที่สหพันธรัฐฯ เอามาเป็นม่านคล้ายฉากเปิดของ Wicked และทำซาวด์แบบแฟนตาซีค่อยๆเคลื่อนเข้าสู่เรื่อง พอมาดูซ้ำรอบสอง รอบสาม ก็ได้เห็นหลายมุมมากขึ้นและยกให้เป็นอีกมิวสิคัลที่สมบูรณ์แบบในทุกด้านของรัชดาลัย ชอบวิธีการคิดฉากจบของเรื่อง ถ้าสังเกตให้ดีฉากจบแอคติ้งของหนูนาเลิศมาก เสียงปืนนัดเดียวเหมือนจุกขวดแชมเปญถูกเปิดดำให้ความรู้สึกภายในที่อัดแน่นพุ่งออกมา อารมณ์ตอนนี้นี่แบบสุดยอด ตามด้วยเสียงของหมู่มวล อรุณนี้เรามีเธอเป็นดั่งความหวัง……

Leave a comment